สำนักพิมพ์ ฮักแต้แต้

รายการหนังสือ วิธีการสั่งซื้อ หนังสือออกใหม่ รับสมัครนักเขียน-นักแปลอิสระ ร่วมงานกับเรา ติดต่อเรา


กฎเหล็ก: เคล็ดลับ มัดใจชาย  ยุค Social Media 






โดยผู้เขียนหนังสือ กฎเหล็ก อันโด่งดัง แปล 27 ภาษาทั่วโลก 
#1 NEW YORK TIMES BESTSELLER 



กฎเหล็ก: เคล็ดลับ มัดใจชาย 
ยุค Social Media 

Not Your Mother’s Rules 


ผู้แต่ง:   Ellen Fein and Sherrie Schneider



ผู้แปล:   บี/กุลชุลี ทรัพย์สินอุดม 
แม่สื่อ/ผู้ฝึกสอนการออกเดทชื่อดัง

บริษัท แบงคอก แมทชิ่ง จำกัด
บริษัทจัดหาคู่เพื่อการแต่งงาน สำหรับคนโสดคุณภาพ
www.BangkokMatching.com
Tel: 083-687-9343


รายได้ส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้จะถูกนำไปใช้จ่ายในโครงการ 
“Make a Wish” Project โครงการหาคู่ฟรีให้คนพิการของเรา





คำนำจากผู้แปล

เมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ 2555) บีได้ซื้อลิขสิทธิ์หนังสือสอนหาคู่ ออกเดทที่แสนโด่งดังติดอันดับ 1 New York Times Bestseller อย่างยาวนาน และถูกแปล 27 ภาษาทั่วโลก โดยบีได้เอามาตั้งชื่อหนังสือเป็นภาษาไทยว่า “กฎเหล็ก: ร้อยเล่ห์ เคล็ดลับ มัดใจชาย” ซึ่ง feedback ที่บีได้รับจากหนังสือดีมากๆเลยค่ะ มีหญิงสาวมากมายเอาเทคนิคไปใช้แล้วได้ผล แล้วเขียนมาขอบคุณบีที่เอาหนังสือเล่มนี้มาให้เขารู้จัก และอีกหลายๆสาวที่เสียดายและเสียใจที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ช้าไป (สามารถเข้าไปอ่านเมลล์จากสาวๆเหล่านี้ได้บน Blog ของบีนะคะ ที่ www.bangkokmatching.com/blog/)

และต้นปี พ.ศ 2556 นี้ ผู้เขียนคนเดิมได้ออกหนังสืออีกหนึ่งเล่ม คือ เล่มที่อยู่ในมือทุกคนตอนนี้นี่เองค่ะ บีได้ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลและตั้งชื่อเป็นภาษาไทยว่า “กฎเหล็ก: เคล็ดลับ มัดใจชาย ยุค Social Media

ทำไมบีถึงตั้งชื่อโดยใช้คำว่า Social Media มาเกี่ยวข้องด้วยน่ะหรือคะ นั่นก็เพราะหนังสือเล่มนี้ เน้นการสอนเทคนิคหาคู่ ออกเดทที่เกี่ยวข้องกับ Social Media ล้วนๆให้สาวโสดน่ะสิคะ เนื่องจากสมัยปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นยุค Social Media ครองเมืองจริงๆ แทบจะทุกคนใช้ Social Media กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instragram, Line, WhatsApp ทั้งในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
และหนุ่มโสด สาวโสดมากมายก็จีบกัน ทำความรู้จักกันบน Social Media เหล่านี้ ความรักมันเกิดขึ้นได้ทุกหนแห่งนี่คะ 

เดี๋ยวนี้ ลองมองดูไปรอบๆสิคะ หนุ่มโสด สาวโสดต่างก้มหน้าก้มตา หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน กดจิ้มมือถือตลอดเวลากันเกือบทั้งนั้น อัพเดทสเตตัส พร่ำบ่นกร่นด่าลมฟ้าอากาศ เจ้านาย หรือว่างๆก็เข้าไปส่อง Facebook แฟนเก่า หรือหนุ่มที่เราแอบปลื้ม ส่องทุกวัน เช้า เที่ยง เย็น เพราะอยากรู้ว่าเขาทำอะไร ไปเที่ยวที่ไหน มีแฟนใหม่ หรือมีสาวๆที่ชอบหรือยัง โดยที่บางครั้ง สาวๆก็อาจลืมตัวกระทำสิ่งที่ไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของตัวเองไป

บีขอออกตัวสักนิดนะคะว่า บางส่วนของหนังสือเล่มนี้อาจจะยังไม่สอดคล้องกับสังคมไทย ณ ปัจจุบันนี้ไปบ้าง อย่างเช่น การใช้ Online Dating เว็บหาคู่ออนไลน์ หากสาวๆคนใดคิดจะใช้เว็บหาคู่ Online  บีก็ยังอยากแนะนำให้ระวังเนื้อระวังตัวเป็นพิเศษสักหน่อยนะคะ การหาคู่ Online สามารถประสบความสำเร็จได้จริง แต่ว่าก็ยังมีคนหลอกลวงแฝงอยู่ด้วยค่อนข้างมากสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นพวกหลอกลวงหาเงิน หรือชายเจ้าชู้จำนวนไม่น้อยที่มีแฟนหรือกระทั่งภรรยาแล้ว แต่ยังเข้าใช้เว็บหาคู่ต่างๆเหล่านี้เพื่อหากิ๊กเพิ่มเติม  ใช้ได้ค่ะ แต่ระวังตัวมากสักนิด

แต่ส่วนอื่นๆของหนังสือเล่มนี้ที่เกี่ยวข้องกับการวางตัว การใช้ Social Media ในด้านความรัก ความสัมพันธ์ 90% ดีมากนะคะ บีถึงอยากให้สาวไทยได้อ่านกัน เพราะทุกๆวันในการทำงานในฐานะแม่สื่อ และ Dating Coach บีก็ยังเห็นสาวๆทำตัวผิดๆกันอยู่เยอะแยะจริงๆทั้ง off line และ on line และผ่าน Social Network ต่างๆ ซึ่งเป็นการลดคุณค่าตัวเองกันโดยใช่เหตุ บีมั่นใจว่า หากสาวๆอ่านหนังสือบีเล่มนี้แล้วนำมาใช้ สาวๆจะเพิ่มคุณค่าให้ตัวเองได้อีกมาก และยังช่วยป้องกันการโดนหลอกจากชายนิสัยไม่ดีได้อีกด้วย

ถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุดในการหาคู่ บีขอแนะนำให้อ่านหนังสือของบีเล่มอื่นๆเสริมด้วยนะคะ จะได้มีอาวุธติดครบมือ หากเรารู้เท่าทันเกมของผู้ชายและมีสติเสียแล้ว อย่างไร เราก็ไม่ถูกชายหลอกได้ง่ายๆหรอกค่ะ

การหาคู่ การออกเดทจริงๆไม่ยากเลย หากสาวๆรู้วิธี มาเถอะค่ะ มาอ่านเทคนิคการหาคู่ ออกเดทกันเสียเดี๋ยวนี้ คุณจะได้เดทได้เก่งขึ้น เลือกสรรคนได้ดีขึ้น และได้พบชายดีๆที่จะรักคุณแบบหัวปักหัวปำเสียทีค่ะ อย่ารอช้าอีกต่อไป เริ่มวันนี้ ก็ยังดีกว่าเริ่มวันพรุ่งนี้ เริ่มวันพรุ่งนี้ ก็ยังดีกว่าเริ่มมะรืนนี้นะคะ

สุดท้าย บีขอให้สาวๆมีดวงตาเห็นสัจธรรม แล้วเลือกชายที่จะมาเป็นคู่ได้ถูกต้องกันทุกคนค่ะ

บุญรักษาใจกันทุกคนนะคะ

ด้วยรักและปรารถนาดีเสมอ

บี 
23 กันยายน 2556





สารบัญ

  หน้า

บทที่ 1 เหตุผลที่เราเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา 11
บทที่ 2 เมื่อลูกสาวขอตั้งกฎบ้าง 22
บทที่ 3 กอดลูกสาวแน่นๆ และกฎเหล็กอื่นๆ สำหรับคุณแม่ 24
บทที่ 4 ทำตามใจตัวเองไปเถอะ จนกว่าคุณเองจะพร้อมปฏิบัติตามกฎเหล็ก 36
กฎเหล็กข้อที่ 1 จงทำตัวเป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวในโลก 43
กฎเหล็กข้อที่ 2 ผู้หญิงหนึ่งเดียวในโลก รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร 49
กฎเหล็กข้อที่ 3 อย่าเริ่มบทสนทนา หรือส่งข้อความหาผู้ชายก่อน 57
กฎเหล็กข้อที่ 4 อย่าส่งข้อความ Facebook Twitter G-chat หรือ Social Network
ใดๆ ก็ตามไปชวนผู้ชายออกเดท
67
กฎเหล็กข้อที่ 5 อย่าหาเรื่องเข้าไปนั่ง หรือยืนใกล้ผู้ชายก่อน 73
กฎเหล็กข้อที่ 6 รออย่างน้อยสี่ชั่วโมงก่อนจะตอบข้อความแรกที่ชายหนุ่มส่งมา 
และรออย่างน้อย 30 นาทีในการตอบข้อความครั้งต่อไป
78
กฎเหล็กข้อที่ 7 แล้วค่อยคุยกันนะ: จบบทสนทนาก่อนเสมอ--หลบฉากซะ! 96
กฎเหล็กข้อที่ 8 อย่าตอบข้อความหรืออะไรก็แล้วแต่หลังเที่ยงคืน 103
กฎเหล็กข้อที่ 9 กฎการโพส Facebook Twitter และ Social Network อื่นๆ ของเขา 107
กฎเหล็กข้อที่ 10 อยู่ให้ห่างจากหน้าโพรไฟล์ Facebook ของเขา 121
กฎเหล็กข้อที่ 11 อย่าเขียนอีเมลล์หาผู้ชายก่อน และเขียนให้สั้นเข้าไว้ 
(อีเมลล์นะไม่ใช่ EBOOK)!
125
กฎเหล็กข้อที่ 12 ทำตัวล่องหน ทางออกในการไม่ตอบข้อความ Instant Messaging 131
กฎเหล็กข้อที่ 13 อย่าพูดมากเกินไปในช่วงสัปดาห์แรกๆ 136
กฎเหล็กข้อที่ 14 อย่าแค่ไปเจอและใช้เวลากับเขา หรือทำตัวว่างรอเขายี่สิบสี่ชั่วโมง 143
กฎเหล็กข้อที่ 15 ให้เขาเป็นคน Skype หรือซื้อตั๋วเครื่องบินมาหาคุณ 
หากคุณทั้งคู่อยู่คนละเมือง
151
กฎเหล็กข้อที่ 16 อย่าเสียเพื่อนเพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับผู้ชาย 163
กฎเหล็กข้อที่ 17 อย่าเป็นฝ่ายแนะนำเขาให้คนของคุณรู้จักก่อน 
อย่าชวนเขาไปเที่ยวก่อน และอย่าแอดเพื่อนเขาบน Facebook ก่อน
169
กฎเหล็กข้อที่ 18 อย่าเขียนไปหาเขาก่อน อย่าสนใจตัวการ์ตูน Emoticons 
ทั้งหลายและกฎเหล็กในการหาคู่ออนไลน์
176
กฎเหล็กข้อที่ 19 อย่าใช้เงินซื้อความรักของเขา 187
กฎเหล็กข้อที่ 20 อย่าเลือกมหาวิทยาลัย ที่ทำงาน หรือย้ายที่อยู่เพราะผู้ชาย 194
กฎเหล็กข้อที่ 21 อย่าเมามายในงานปาร์ตี้หรือเวลาไปออกเดท 
เพื่อจะได้ไม่พูดหรือทำอะไรน่าอายลงไป
200
กฎเหล็กข้อที่ 22 ผู้ซื้อพึงระวัง...ระวังชายหนุ่มพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง 
(นอกใจ ติดยา เจ้าชู้ และพวกชอบทำให้เสียเวลา)
204
กฎเหล็กข้อที่ 23 อย่าทำลายคุณค่าของตัวเองด้วยการออกเดทกับผู้ชายที่
แต่งงานแล้ว/มีแฟนแล้ว หรือผู้ชายที่ส่งสัญญาณไม่ชัดเจนให้คุณ
216
กฎเหล็กข้อที่ 24 เลิกไปออกเดทกับผู้ชายที่ยกเลิกนัดคุณมากกว่าหนึ่งครั้ง 223
กฎเหล็กข้อที่ 25 อย่าส่งข้อความ Sexting หรือข้อความใดๆ ก็ตาม
ที่คุณไม่อยากให้เขาเก็บไว้หากวันหนึ่งต้องเลิกกัน
228
กฎเหล็กข้อที่ 26 อย่ารับโทรศัพท์ชวนไปมีเซ็กซ์กลางดึกหรือความสัมพันธ์
แบบไร้ความหมาย
231
กฎเหล็กข้อที่ 27 อย่ารีบร้อนมีเซ็กซ์กับเขา 241
กฎเหล็กข้อที่ 28 อย่าปล่อยให้ไขมันเกาะตามตัว จงออกกำลังกาย 
และกฎเหล็กของการดูดีทุกช่วงอายุ
247
กฎเหล็กข้อที่ 29 ให้ผู้ชายเป็นฝ่ายตาม Twitter ของคุณก่อนและ
อย่าทวีตตอบเขาบ่อยนัก
260
กฎเหล็กข้อที่ 30 อย่าออกเดทยาวนานโดยไม่มีข้อผูกมัด! 264
กฎเหล็กข้อที่ 31 เชิญคนต่อไป! กฎเหล็กเตรียมรับมือกับการถูกปฏิเสธ 273
บทที่ 5 20 สิ่งชวนหมดอารมณ์สำหรับชายหนุ่ม…เราล้วงความลับมาให้แล้ว! 280
บทที่ 6 คำถามที่พบบ่อยในกฎเหล็ก 283
บทที่ 7 20 กฎเหล็กที่ต้องจำให้ขึ้นใจ 296
บทสรุป ต้องมีวินัยในการออกเดท! 304


บทที่ 4 ทำตามใจตัวเองไปเถอะ จนกว่าคุณเองจะพร้อมปฏิบัติตามกฎเหล็ก

  • คุณไม่ว่าอะไรใช่ไหม หากชายที่คุณมีเซ็กซ์ด้วยไม่เคยส่งข้อความมาหาคุณก่อนเลย
  • คุณรู้สึกสนุกและท้าทายเวลาที่ผู้ชายโทรมาชวนออกเดทในนาทีสุดท้าย และไม่ได้คิดว่านั่นแปลว่าคุณคือตัวสำรองของเขา
  • คุณเคยขอให้ผู้ชายอยู่ต่อ และเมื่อเขาปฏิเสธ คุณก็แค่ยักไหล่อย่างไม่แคร์หรือเปล่า
  • คุณยังคงออกเดทกับผู้ชายคนเดิมที่เคยพูดว่าเขาไม่ใช่คนประเภทที่ “มองหาความสัมพันธ์แบบจริงจัง” แถมยังคบผู้หญิงอื่นไปพร้อมๆ กับคุณอยู่หรือเปล่า
  • ทุกครั้งที่แม่หรือเพื่อนของคุณแนะนำหนังสือกฎเหล็ก ให้คุณอ่าน คุณมักจะพูดว่า “ฉันเรียนจบ MBA นะจ๊ะ ไม่ต้องมีใครมาบอกให้ฉันทำอย่างนั้นอย่างนี้หรอก”

หากคำตอบของคุณคือใช่ในข้อใดข้อหนึ่งด้านบนนี้ล่ะก็ จงทำอย่างที่คุณทำอยู่ต่อไปเถอะ หนังสือเล่มนี้อาจจะไม่เหมาะ กับคุณ--อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ในตอนนี้ ที่เราจะพูดก็คือหากตอนนี้คุณยังสนุกกับการแหกกฏอยู่ ก็ทำต่อไป คอยสะกดรอยตามผู้ชาย โพสหน้าวอลล์ Facebook ของเขาทุกวัน ขึ้นเครื่องบินไปหาเขา ส่งข้อความไปตอนตีสองเพื่อบอกเขาว่าคุณคลั่งเขาขนาดไหน สนุกสนานกับชีวิตของคุณให้เต็มที่ แสดงออกให้สุดเหวี่ยง แก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่าให้สุด!

ยอมรับเถอะว่าสาวๆในวัยมหาวิทยาลัยไม่ต้องการกฏเกณฑ์ใดๆทั้งนั้นมาบงการ ยิ่งเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์ด้วยแล้ว พวกเธออยาก ทำตามใจตัวเอง พวกเธอไม่ได้คิดถึงแหวน ถึงพิธีแต่งงาน ถึงเรื่องการมีลูก แล้วทำไมต้องยอมแลกความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว กับอะไรที่จริงจังและยืนยาวล่ะ พวกเธอยังไม่ได้คิดถึงอนาคตระยะยาวด้วยซ้ำ ชีวิตของพวกเธอช่วงนี้คิดถึงแต่เรื่องเรียน ปาร์ตี้ และลุ้นให้เรียนจบให้ได้ก็เท่านั้น! พวกเธออยากทดลองอะไรใหม่ๆ ในเรื่องเซ็กซ์ เหล้าหรืออาจจะยาด้วยในบางครั้ง พวกเธอไม่ได้ ต้องการ อะไรที่ซีเรียสจริงจังในตอนนี้ เธอก็แค่อยากจะหว่านเสน่ห์กับผู้ชายที่ถูกใจตั้งแต่แรก ไม่ใช่มานั่งรอให้ผู้ชายสักคนเข้ามา เปิดบทสนทนาด้วย และผู้ชายที่พวกเธอสนใจในตอนนี้ก็ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่จะเป็นสามีที่ดีพร้อมหรอก กลับกัน พวกเธอเลือก ที่จะเชื่อฟังฮอร์โมนที่พุ่งพล่านเมื่อได้รับโทรศัพท์ผู้ชายชวนออกไปมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน พวกเธอต้องการทำตามอารมณ์ ตัวเองมากกว่าจะมานั่งทำตัวเป็นกุลสตรี จะมามัวแต่ทำตามกฎเหล็กน่าเบื่อทำไมในเมื่อคุณยังอายุน้อย โลกทั้งใบยังรอให้คุณค้นหา ทำไมไม่ปลดปล่อยตัวเองให้สนุกเต็มที่ก่อนล่ะ 

เราเข้าใจทั้งหมดที่ว่ามา! กฎเหล็กไม่ได้มีไว้สำหรับผู้หญิงที่ต้องการสนุกกับชีวิต แต่มีไว้สำหรับผู้หญิงที่เคยเจ็บปวดและสิ้นหวังกับความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวมาแล้ว มีไว้สำหรับผู้หญิงที่โทรหาเพื่อนสนิท หันไปพึ่งจิตแพทย์หรือนักบำบัด หรือแม้กระทั่งหันมาพึ่งเราเมื่อความสัมพันธ์จบลง พวกเธอเหล่านี้ไม่ต้องการความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวอีกต่อไป แต่พวกเธอต้องการความรักที่มั่นคง จริงจัง ความสัมพันธ์ที่จะไม่ทำร้ายพวกเธออีก หากคุณยังไม่ได้รู้สึกแบบนี้ก็สนุกต่อไปเถอะ: ส่งข้อความหาผู้ชายตอนกลางคืน ไม่ก็จับเครื่องบินไปหาผู้ชายที่คุณเพิ่งแอดเป็นเพื่อนใน Facebook หรือคนที่คุณเห็นว่าโพรไฟล์ของเขาน่าสนใจ 

เรามักจะได้รับอีเมลล์จากผู้หญิงที่มองว่าเพื่อนหรือพี่น้องของเธอควรจะใช้กฎเหล็กในความสัมพันธ์ ในอีเมลล์มักจะมีเนื้อหาว่า “เธอยอมให้อภัยผู้ชายที่นอกใจเธอ ฉันว่าเธอต้องใช้กฎเหล็กจริงๆนะ!” หรือไม่ก็ “เธอสามสิบแล้วนะ แต่ยังเดทผู้ชายคนเดิมที่คบมาหกปีแต่ไม่ยอมขอแต่งงานอยู่เลย เธอควรจะรีบทำอะไรสักอย่างได้แล้ว” หรือ “เพื่อนที่ทำงานของฉันคบอยู่กับผู้ชายที่แต่งงานมีลูกมีเมียแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะหย่าในเร็วๆนี้ด้วย ฉันไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว เธอน่าจะได้อ่านกฎเหล็กนะ” บางครั้งเราได้รับอีเมลล์จากคุณแม่ที่กำลังกังวลเกี่ยวกับลูกสาว เขียนมาว่า “ลูกสาวฉันมักจะเป็นฝ่ายไล่ล่าวิ่งตามผู้ชายและจบลงที่การเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันกลัวว่าคนอื่นจะมองเธอในภาพลบ คุณช่วยเธอได้ไหม” เราเคยได้รับอีเมลล์จากสาวๆที่ชื่นชอบการอ่านข่าวบันเทิงก๊อซสิปที่บอกว่า “ไม่อยากเชื่อเลยว่าดาราคนโปรดของฉันจะย้ายเข้าไปอยู่กับพระเอกคนนั้นเร็วอย่างนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะทิ้งเธอ แหม เธอน่าจะได้อ่านกฎเหล็ก บ้างนะ!” เชื่อไหมว่ากลุ่มแฟนเพจกฎเหล็กใน Facebook ยังพูดกันเลยว่า หนังสือกฎเหล็ก ควรจะเป็นคู่มือติดตัวสาวๆทุกคนตั้งแต่แรกเกิด หรือต้องมีทุกคนในช่วงวัยรุ่น ไม่ก็บรรจุในตำราเรียนตอนมัธยมเลยด้วยซ้ำ!

เราเข้าใจดีว่ามันน่าหงุดหงิดเพียงใดที่ต้องทนเห็นเพื่อนๆ สมาชิกในครอบครัว หรือแม้แต่ดาราที่เรารักทำเรื่องผิดพลาดในความสัมพันธ์ของพวกเธอ ทั้งๆที่พวกเธอน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่สิ่งที่เราจะบอกพวกเขา ก็เหมือนที่เราจะบอกพวกคุณก็คือ กฎเหล็ก มีไว้สำหรับผู้หญิงที่อยากจะใช้มัน ไม่ใช่ผู้หญิงที่จำเป็นต้องใช้มัน การทำตัวให้มีคุณค่า และเคารพตัวเองทุกครั้งที่เริ่มออกเดทไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ และมักไม่มีใครทำจนกว่าจะเจอความสัมพันธ์แย่ๆเสียก่อน 

หากผู้หญิงสักคนซื้อหนังสือกฎเหล็กไปอ่าน หรือโทรมานัดเราเพื่อขอคำปรึกษา มันไม่ใช่เพราะว่าเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันนั้นแล้วนึกได้ว่า “ฉันว่าฉันเป็นหญิงกฎเหล็กดีกว่าวันนี้” และไม่ใช่เพราะว่าพวกเธอว่างมากหรือไม่มีอะไรทำ แต่เป็นเพราะพวกเธอเพิ่งเจ็บปวดกับความสัมพันธ์ที่พังทลายลงไป หรือไม่ก็เหน็ดเหนื่อยกับการหลงรักผู้ชายผิดคน และต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง พวกเธอต้องเผชิญกับความเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน และอับอายมานานหลายปี เมื่อความรักครั้งนี้จบลงนั่นคือฟางเส้นสุดท้าย แฟนของเธอนอกใจรอบที่สิบ หรือผู้ชายที่เธอเดทด้วยมาห้าปีไม่เคยพูดเรื่องแต่งงาน หรือผู้ชายที่เธอคบด้วยไม่หย่ากับภรรยาสักที และพวกเธอก็ตัดสินใจจะเลิกทน! พวกเธอเหนื่อยหน่ายกับการรอ การสะกดรอยตาม และการฝันเฟื่องถึงความสัมพันธ์จอมปลอม พวกเธอเบื่อกับความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนที่ไม่มีความมั่นคงทางจิตใจ เบื่อที่จะต้องไปงานแต่งงานลูกพี่ลูกน้องแบบฉายเดี่ยว เบื่อที่จะต้องเป็นฝ่ายถูกทิ้ง

มีบางกรณี สาวๆติดต่อมาหาเราเพราะเธอเจอกับชายในฝัน และไม่อยากจะทำพลาดอีก หลังจากที่ได้แหกกฎเหล็กและเสียเวลากับผู้ชายแย่ๆมาหลายปี ในที่สุดเธอก็เจอหนุ่มน่ารักคนนี้ และหลังจากจูบแรกของเธอและเขา วินาทีต้องมนต์ก็เกิดขึ้น! เธอตระหนักได้ในตอนนั้นว่าเธอต้องการความสัมพันธ์ที่มั่นคง จริงจัง ไม่ใช่แค่การส่งข้อความจีบกันและเซ็กซ์ที่ไม่มีความหมาย เธอไม่อยากทำพลาดด้วยการแสดงออกโจ่งแจ้งเกินไป (“คืนนี้คุณว่างไหมคะ ฉันบังเอิญมีตั๋วคอนเสิร์ตสองใบพอดี”) หรือเรียกร้องมากเกินไป (“ฉันจะได้เจอคุณอีกเมื่อไหร่คะ”) เธอคิดว่า “ไม่ได้การละ ฉันจะทำพังไม่ได้ ต้องมีแผน!” และนั่นแหละคือตอนที่ผู้หญิงอย่างเราจะหยุดสนุกกับการไล่ล่าผู้ชาย และพร้อมสำหรับกฎเหล็ก เสียที

ตามธรรมชาติแล้วเราเข้าใจว่าหากเด็กสาววัยรุ่นอ่านหนังสือเล่มนี้พวกเธออาจจะไม่เข้าใจทั้งหมด เพราะพวกเธออยู่ในสังคมที่เพื่อนๆมีเบอร์หนุ่มๆทั้งชมรมในมือถือและพร้อมจะเมาหรือนัวเนียกันตลอดเวลา--โดยไม่ต้องออกเดทให้เป็นเรื่องเป็นราวด้วยซ้ำ! พวกเธอยังอยู่ในช่วงเวลาค้นหาตัวเอง ลองไปบอกนักศึกษาปีสองดูสิว่า “ดื่มแค่แก้วเดียวนะ” และ “รอให้เขาจริงจังกับเธอก่อนค่อยมีเซ็กซ์” หรือ “อย่าไปโพสหน้าวอลล์เขาเลย” ดูซิ ว่าเธอจะเชื่อคุณไหม เราเคยได้รับเชิญไปพูดที่มหาวิทยาลัย ที่นั่น เด็กๆบอกเราว่าการทำตามกฎเหล็กเป็นเรื่องที่ยากมาก โดย
เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณอยู่ในสังคมที่เพื่อนสาวทุกคนส่งข้อความหาผู้ชายก่อนและออกไปค้างคืนกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักตลอดเวลา แต่ความจริงก็คือ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ไหนหรือสังคมรอบด้านอย่างไร คุณก็สามารถเป็นหญิงกฎเหล็กได้เสมอ  คุณอาจจะไม่ได้อยากแต่งงานตอนอายุสิบเก้า แต่คุณอาจจะอยากอยู่ในความสัมพันธ์ดีๆ กับผู้ชายที่รักคุณหัวปักหัวปำ กฎเหล็กนี่แหละจะทำให้คุณถือไพ่เหนือกว่า คุณจะควบคุมความสัมพันธ์ได้ คุณจะไม่ต้องเจ็บปวด แล้วมันไม่ดีตรงไหนกัน

กลุ่มนักศึกษาไม่ใช่กลุ่มเดียวที่อยากจะทำตัวไปตามอำเภอใจในเรื่องการออกเดท เราเคยคุยกับผู้หญิงวัยยี่สิบกลางๆถึงปลายๆที่ต้องการค้นพบตัวเองและอยากทำตามหัวใจ--ไม่อยากทำตามกฏ และไม่ต้องการให้ใครมาบอกว่าควรทำอย่างนี้ ไม่ควรทำอย่างนั้น พวกเธอรู้สึกว่ากฎเหล็กน่าเบื่อ และไม่อยากทำตามในตอนนี้--แต่อาจจะทำตามในอีกห้าปีข้างหน้า เราเข้าใจดี เรามีลูกค้าวัยสามสิบกว่า สี่สิบกว่า ห้าสิบกว่า ที่เพิ่งก้าวขาออกมาจากชีวิตแต่งงานแย่ๆ พวกเธอไม่ได้ออกเดทกับใครมาเป็นสิบๆปีและโทรมาถามเราว่ากฎเหล็กสำหรับสถานการณ์นี้ๆๆๆเป็นอย่างไร แต่พวกเธอก็พบว่าตัวเองยังไม่พร้อมสำหรับกฎเหล็ก พวกเธออยากกลับมาสนุกอีกครั้ง อยากใช้เวลาสามชั่วโมงส่งข้อความจีบกัน อยากออกเดทแรกแปดชั่วโมง และอยากจะมีความสัมพันธ์แบบข้ามคืนสักสองสามครั้ง 

เรามีลูกค้าคนหนึ่งที่ตั้งปณิธานไว้ว่าจะ “หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสนุกให้ทั่ว” หลังจากที่หย่าขาดจากสามีบ้างานที่ไม่เคยแสดงความต้องการในเรื่องเซ็กซ์เลย หลังจากส่งอีเมลล์คุยกับผู้ชายที่เธอพบในเว็บไซต์หาคู่ เธอก็ตัดสินใจส่งข้อความหาเขาตอนตีสอง และบอกตัวเองว่าการขับรถเป็นชั่วโมงๆไปหาเขาที่บ้านในช่วงสุดสัปดาห์เป็นการ “ผจญภัยครั้งใหญ่” พวกเขามีเซ็กซ์กันและเธอก็ขลุกอยู่กับเขาถึงสามวันหลังจากนั้น เธอบอกเราว่าเธอไม่สนใจหากเขาจะไม่ติดต่อมาอีกเลย เพราะเธอต้องการแค่ความสนุกเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่หายไป เขาติดต่อมาหาเธอเป็นครั้งคราวในช่วงเวลาสามเดือน—แต่เป็นเฉพาะเมื่อเขาต้องการให้เธอขับรถไปหาเขาที่บ้าน พวกเขาไม่เคยทานมื้อค่ำแบบโรแมนติกหรือส่งอีเมลล์หวานๆให้กันด้วยซ้ำ เธอแทบทรุดเมื่อเขาส่งข้อความมาบอกเลิก และตระหนักได้ในตอนนั้นว่าแม้เธอจะพร่ำบอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไรหรอก มันก็แค่เซ็กซ์เท่านั้นเอง” แต่ความจริงมันไม่ใช่:ผู้หญิงไม่ได้ต้องการแค่นั้น! ตอนนี้เธอจึงปฏิบัติตามกฎเหล็ก อย่างแน่วแน่ และปลื้มมันมาก!

เรามีลูกค้าประเภทมั่นใจในตัวเองที่มักจะบอกว่า กฎเหล็กเป็นเรื่องไร้สาระ พวกเธอต้องการจะ “เขียนกฎเหล็กของตัวเอง” และ “ปล่อยให้สัญชาตญาณนำไป” ในการอีเมลล์หรือส่งข้อความไปหาผู้ชายหรือนอนกับเขาในเดทแรก เราบอกพวกเขาว่าให้ทำสิ่งที่ตัวเองเลือก แต่หากมีอะไรผิดพลาด เจ็บปวด หรือได้เจอผู้ชายที่อยากจะลงเอยด้วยจริงๆ ให้โทรมาหาเรา และพวกเธอก็ทำตามนั้น! บางครั้งพวกเธอเผลอทำตามกฎเหล็ก โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเธอไม่ได้สนใจผู้ชายคนนั้นเท่าไหร่นัก วันหนึ่งเธอโทรกลับมาบอกเราอย่างผู้ชนะว่า “ฉันไม่ได้ทำตามกฎเหล็กเลยสักข้อ แต่ตอนนี้เราหมั้นกันเแล้ว”  เราอธิบายเหตุการณ์อย่างนี้ว่า แม้มันจะเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ใช่กฎเหล็ก ก็เหมือนกับการลดน้ำหนักไปได้ห้ากิโลโดยไม่ได้พยายาม เพียงเพราะว่าอาหารเป็นพิษนั่นแหละ

ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ จะเป็นนักศึกษาปีหนึ่งหรือสาววัยสี่สิบห้าที่เพิ่งผ่านการหย่าร้าง กฎเหล็กเหมาะสำหรับคุณ หากคุณเบื่อกับการทำผิดพลาดในความสัมพันธ์หรือถูกทิ้ง กฎเหล็ก คือหนังสือสำหรับคุณ หากคุณอยากจะมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงและราบรื่นกับแฟนที่อาจจะกลายเป็นว่าที่สามีในอนาคต หากคุณเบื่อกับเซ็กซ์ชั่วคราวหรือการส่งข้อความที่ไม่ได้รับการตอบกลับ อาจจะเป็นเพราะ “การทำตามใจตัวเอง” ใช้ไม่ได้ผลกับคุณอีกต่อไป ตอนนั้นแหล่ะ คุณจะพร้อมสำหรับกฎเหล็ก! แต่หากยังไม่ใช่ตอนนี้ ก็สนุกให้เต็มที่เลย หากคุณต้องการอย่างนั้นจริงๆ แล้วล่ะก็

 

กฎเหล็กข้อที่ 6 รออย่างน้อยสี่ชั่วโมงก่อนจะตอบข้อความแรกที่ชายหนุ่มส่งมาให้ และรออย่างน้อย 30 นาทีในการตอบข้อความครั้งต่อไป

ตอนนี้คุณอาจจะสงสัยว่าควรจะรอนานเท่าไหร่ถึงจะส่งข้อความตอบกลับหนุ่มคนนั้นได้ มีลูกค้าหลายรายส่งข้อความมาหาเราอย่างเร่งด่วน “ผู้ชายที่ฉันชอบเพิ่งส่งข้อความมา ฉันจะตอบเขาตอนนี้ได้เลยไหม แล้วจะตอบยังไงดี ตอบกลับฉันด่วนนะคะ”

            เรารู้กันดีอยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบอย่างเร่งด่วน อันที่จริงเรามีเคสด่วนกว่านี้อีกหลายเคส เช่น ผู้หญิงที่มีผู้หญิงอีกคนส่งข้อความมาหาแฟนตัวเอง หรือ ผู้หญิงที่แฟนตัวเองหายไปหลังจากทะเลาะกันอย่างหนักหน่วง เคสเหล่านี้ต่างหากที่ด่วนที่เราจะช่วยก่อนเคสอื่นๆ เราเข้าใจว่าการได้รับข้อความแรกจากชายในฝันน่ะสำคัญ เป็นเรื่องความเป็นความตายได้เลยของหญิงสักคน เธอจะร้อนใจอยากตอบข้อความเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราอยู่ในสังคมที่ทุกอย่างเร็วไปหมด และการส่งข้อความกลับชายในฝันก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เกินจะห้ามใจ

            หญิงกฎเหล็กรู้ดีว่าไม่ควรโทรหาผู้ชายก่อน และไม่ควรรีบร้อนโทรกลับไปหาเขา กฎเหล็กข้อนี้สามารถนำมาปรับใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย แต่เทคโนโลยีในช่วงสิบห้าปีนี้เปลี่ยนไปเยอะมาก และการปฏิบัติกับการส่งแมสเสจก็ไม่สามารถทำเหมือนกันกับการรับโทรศัพท์ได้ หลังจากปรึกษาหารือกับลูกสาวของเราและที่ปรึกษาหลายคน เราก็ตระหนักได้ว่ามันมีอะไรที่แตกต่างกันอยู่มาก ผู้ชายจะโทรกลับมาหาคุณอีกรอบหากคุณยังไม่โทรกลับไปหาเขา แต่ข้อความจะเป็นเหมือนโทรศัพท์ที่โทรหาคุณอยู่ตลอดเวลา มันไม่รบกวนเวลาใดๆ มันแค่นอนสงบนิ่งอยู่ในกล่องข้อความของคุณ หากคุณหายเงียบไปเลย เขาก็จะคิดไปว่าคุณปฏิเสธเขา—ความหมายเดียวกับที่คุณจะพูดออกมาว่า “ไม่สนใจค่ะ ขอบคุณ” หรือไม่ เขาก็จะคิดว่าคุณกำลังเล่นเกมอะไรบางอย่าง

            อย่างไรก็ดี หากคุณไม่ตอบกลับแมสเสจของชายหนุ่มเลย หรือรอนานจนเกินไปกว่าจะตอบกลับ ในโลกปัจจุบันที่มนุษย์ไม่สามารถอยู่ห่างจากโทรศัพท์ได้นั้นอาจทำให้ผู้ชายคิดไปได้ว่า เธออ่านหนังสือกฎเหล็กหรือเปล่า เธอไม่สนใจเราจริงๆหรือ หรือเธอแค่แกล้งทำเป็นไม่สนใจกันแน่ เราไม่ต้องการให้ปัญหาประเภทนี้เกิดขึ้น

            ก่อนหนังสือเล่มแรกของเราจะได้รับการตีพิมพ์ การที่ผู้หญิงจะไม่โทรกลับหาผู้ชาย หรือทิ้งไว้หลายวันก่อนจะโทรกลับ ถือเป็นเรื่องปกติมาก แต่หลังจากหนังสือกฎเหล็กปรากฏสู่สายตาชาวโลก—และเริ่มได้รับการพูดถึงทั้งในซิทคอม ในรายการทอล์คโชว์ ในแมกกาซีนและหนังสือพิมพ์—ผู้ชายก็เริ่มสงสัยในพฤติกรรมของสาวๆมากขึ้น ว่าการที่คุณไม่ติดต่อเขากลับเป็นเพราะคุณกำลังเล่นเกมอะไรอยู่หรือเปล่า ดังนั้นเราขอบอกว่าอย่ารอนานจนเกินไปที่จะตอบข้อความ หรือไม่ตอบข้อความของเขาเลย อย่าเล่นตัวมากจนเกินไป อย่าให้ผู้ชายรู้สึกว่าคุณหยาบคายหรือเรื่องมากก่อนเดทแรก เราได้สัมภาษณ์ผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่บอกว่า แม้การที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ตอบกลับข้อความของเขา เขาก็ยังจะขอเธอออกเดทอยู่ดี แต่เขาจะเริ่มรู้สึกว่าเธอไม่สนใจเขา หรือเธออาจจะคบใครอยู่แล้วหากเธอไม่ตอบกลับข้อความของเขา อย่างที่โอปราพูดในรายการทีวีที่โด่งดังของเธอว่า “ผู้ชายชอบหญิง กฎเหล็ก แต่เขาไม่อยากให้เธอเป็นอย่างนั้นเพราะทำตามหนังสือ” เราไม่ได้ตั้งใจเขียนหนังสือเพื่อสอนให้ผู้หญิงประพฤติไม่สุภาพกับผู้ชาย!

            เวลาที่เหมาะสมที่ควรจะตอบกลับข้อความของผู้ชาย ควรจะอยู่ระหว่าง 4 ถึง 24 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับช่วงอายุของคุณ 4 ชั่วโมงเหมาะสำหรับกลุ่มสาวๆที่อายุน้อยหน่อย เช่น สาวที่ยังอยู่ในวัยเรียนหรือวัยเริ่มทำงาน เพราะสาวๆกลุ่มนี้โตขึ้นมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือและเฟสบุ๊ค ยิ่งคุณอายุมากขึ้นเท่าไหร่ คุณยิ่งต้องรอนานมากขึ้นเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณอายุสามสิบ ก็ควรจะรอสัก 12 ชั่วโมง และสาววัยสี่สิบหรือมากกว่านั้นก็ควรจะรออย่างน้อยหนึ่งวันถึงตอบกลับ (ลองดูตารางเวลาสำหรับตอบกลับข้อความหน้า 77-78)

            แต่มันยังมีปัจจัยอื่นมาพิจารณาเพิ่มอีกคือ หากผู้ชายส่งข้อความหาคุณครั้งแรก ตอน 9 หรือ 10 โมงเช้า คุณก็ไม่ควรตอบกลับไปใน 4 ชั่วโมงเป๊ะ เพราะตอนนั้นจะตรงกับเวลาที่คุณควรจะเรียนหรือทำงานอยู่ และตามความน่าจะเป็นแล้วคุณไม่ควรจะเช็คโทรศัพท์ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง คุณควรจะรอจนกว่าจะเลิกเรียนหรือเลิกงานในวันนั้นแล้วค่อยตอบกลับไป หากตารางเวลาที่เราให้ มันไปตกอยู่ในช่วงกลางวันหรือช่วงเวลาที่คุณควรจะทำงานอยู่ ก็รอต่อไปอีกหน่อย มันมีคำว่าอย่างน้อยอยู่ข้างหน้าซึ่งนั่นหมายความว่าคุณสามารถรอนานกว่านั้นได้ คุณไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะ—จำไว้ คุณไม่ควรทำให้เขาคิดว่าคุณนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์ทั้งวัน

            หากผู้ชายคนนั้นส่งข้อความหาคุณครั้งแรกในช่วงบ่าย อาจจะประมาณ 3 หรือ 4 โมงเย็น คุณก็ควรส่งกลับไปช่วงหลังเลิกงานตอนที่คุณกำลังนั่งดื่มหรือทานอาหารค่ำกับเพื่อนๆ หรือคุณอาจจะรอจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นแล้วค่อยส่งไปก็ได้—ก็แหม คุณอาจจะไปดูหนังรอบดึกมาก็เลยไม่ว่างส่งกลับไปในคืนนั้นก็ได้นี่ การที่คุณทำอย่างนี้จะทำให้เขาคิดว่าคุณมีชีวิตส่วนตัว และมีอะไรทำมากมายเกินกว่าจะมานั่งรอโทรศัพท์จากเขา

            หากผู้ชายส่งข้อความมาหาคุณตอนสองทุ่ม และสี่ชั่วโมงหลังจากนั้นมันตรงกับเวลาเที่ยงคืนพอดี ไม่ต้องตอบกลับไปเลย ให้รอจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นค่อยส่งข้อความกลับหาเขาระหว่างทางไปเรียนหรือไปทำงานแทน

            สูตรตารางเวลาส่งข้อความกลับนี้ไม่สามารถนำมาใช้ได้ในช่วงสุดสัปดาห์ หรือตั้งแต่ 6 โมงเย็นวันศุกร์ไปถึง 6 โมงเย็น วันอาทิตย์ เราจะเรียกช่วงเวลานี้ว่าช่วงเวลาปลอดการส่งข้อความ เหมือนเวลาคุณอยู่บนเครื่องบินและต้องปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดนั่นแหละ เชื่อเราเถอะ สาวๆกฎเหล็ก สุดสัปดาห์ควรเป็นช่วงปลอดการส่งข้อความ คุณไม่ควรจะว่างในช่วงนั้น คุณไม่สามารถติดต่อได้ คุณมีอะไรต้องทำมากมาย คุณไม่มีเวลาให้เขา! แต่อย่าไปโกรธเขาหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่เขาส่งข้อความหาคุณในคืนวันเสาร์ เขาอาจจะถูกสปอยล์จากสาวที่ไม่เชื่อในกฎเหล็กคนอื่นๆที่มักจะส่งข้อความหาเขาไม่มีหยุดแม้แต่ในวันเสาร์อาทิตย์—แต่คุณไม่ใช่เธอ! ไม่จำเป็นต้องส่งข้อความไปสั่งสอนเขาว่า “ทำไมส่งข้อความมาวันเสาร์คะ หากอยากชวนฉันไปออกเดทวันเสาร์ ทำไมไม่ส่งข้อความมาชวนวันพุธ” แทนที่จะทำอย่างนั้น คุณควรจะเงียบหายไปเลยตลอดช่วงสุดสัปดาห์ เพื่อให้เขารู้ว่าหากอยากจะเจอคุณวันเสาร์หรืออาทิตย์ เขาต้องวางแผนล่วงหน้านานกว่านั้น คุณอาจจะส่งข้อความกลับไปคืนวันอาทิตย์ว่า “ขอบคุณที่ชวนนะคะ แต่พอดีฉันมีอย่างอื่นต้องทำเต็มไปหมดเลย” กฏนี้จะมีข้อยกเว้นก็ต่อเมื่อเขาส่งข้อความมาชวนคุณออกเดทตั้งแต่วันพุธแล้ว แต่ส่งข้อความมาย้ำอีกทีเช้าวันเสาร์ หากอย่างนี้ไม่เป็นไร แต่หากไม่ใช่ล่ะก็ ไม่ต้องส่งอะไรกลับไปทั้งนั้น

            ทุกอย่างมีข้อยกเว้น: เช่นหากเขาต้องการคำตอบเร่งด่วนเพื่อจะจองบัตรคอนเสิร์ต หรือจองอะไรสักอย่างที่ต้องให้คุณคอนเฟิร์มเวลาที่เหมาะสม คุณสามารถส่งข้อความตอบกลับไปหาเขาได้ทันที แต่ให้เขียนแค่ว่า “สองทุ่มวันที่ 14 ก็สะดวกค่ะ!” แต่อย่าใช้ช่องโหว่นี้แหกกฎด้วยการต่อความยาวสาวความยืดหรือส่งข้อความกลับไปกลับมาหาเขาโดยไม่จำเป็น

            ผู้หญิงส่วนมาก โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้เรื่องกลยุทธ์การออกเดท จะส่งข้อความกลับหาผู้ชายภายในไม่กี่วินาที ดังนั้นเราจึงต้องทำตารางเวลาขึ้นมาเพื่อให้ผู้หญิงทุกช่วงอายุเข้าใจชัดเจนเรื่องเวลาการส่งข้อความกลับ อีกอย่าง อย่าส่งรายละเอียดอะไรมากมายเกี่ยวกับตัวเองให้ผู้ชายคนนั้นรู้  เช่นหากผู้ชายคนหนึ่งส่งข้อความมาว่า “เฮ้ ผมสตีเว่นที่เจอกันเมื่อคืนนะ เป็นไงบ้างครับ” ผู้หญิงบางคนจะตอบกลับในสองวินาทีว่า “ดีใจที่คุณส่งข้อความมานะคะ! ตอนนี้ฉันพักกลางวันพอดี ก็เลยว่าจะไปห้องสมุดสักหน่อย ไปหาหนังสือจิตวิทยาที่เพื่อนฉันเล่าให้ฟังน่ะค่ะ ตลกมากเลย แถมรถฉันยังเข้าอู่ด้วย วันนี้ฉันเลยต้องเดินไปมาทั้งวันเลย แล้วคุณล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง” ผู้หญิงพวกนี้แหละที่สปอยล์ผู้ชาย จำไว้ว่าเขาเพิ่งส่งข้อความหาคุณครั้งแรกนะ และเขาก็ถามแค่ว่าคุณเป็นไงบ้าง เขาไม่ได้อยากรู้ประวัติชีวิตคุณสักหน่อย หากคุณรอสักสี่ชั่วโมงแล้วค่อยตอบกลับไปแบบสั้นๆมันจะได้ผลกว่า อย่าสละเวลาอันมีค่าในห้องแลป หรือคลาสโยคะ หรือการประชุมใหญ่เพื่อจะส่งข้อความหาเขา โทรศัพท์รอได้! เขารอได้! คุณรู้สึกว่าต้องส่งข้อความกลับไปหาเขาเดี๋ยวนั้นเหรอ ทำไมล่ะ หากคุณช้าจะมีสาวคนอื่นส่งข้อความตัดหน้าคุณและได้ใจเขาไปงั้นหรือ ไม่เลย ในทางกลับกัน ผู้ชายจะคิดว่าคุณคงยุ่งอยู่หรือไม่ก็อาจจะคุยกับผู้ชายคนอื่นอยู่—ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีสำหรับคุณนะ

            คุณต้องรู้ว่า สำหรับผู้ชายแล้ว การส่งข้อความไม่ใช่เรื่องใหญ่โลกแตกเหมือนผู้หญิงเราๆคิดกัน เขาอาจจะส่งข้อความหาคุณตอนกำลังเติมน้ำมันรถอยู่ก็ได้ สำหรับผู้ชายการส่งข้อความก็ไม่ต่างกับการเล่นกีฬาหรือเล่นวิดีโอเกม แต่สำหรับผู้หญิง การได้รับข้อความจากหนุ่มที่หมายปองไม่ต่างอะไรกับการถูก ลอตเตอรี ท่ามกลางข้อความมากมายของเพื่อนฝูง พ่อแม่ พี่น้อง และเพื่อนร่วมงาน ข้อความหนึ่งเดียวที่เธอจะคิดถึงอยู่ตลอดก็คือข้อความของชายที่เธอปลื้ม

            ก่อนที่หญิงสาวทั้งหลายจะได้อ่านหนังสือของเรา พวกเธออาจจะส่งข้อความกลับไปหาผู้ชายคนนั้นภายในสองนาที และใช้เวลาทั้งชั่วโมงส่งข้อความตอบโต้ไปมากับเขาอย่างเพลิดเพลิน เธอและเขาจะรู้เรื่องของกันและกันมากกว่าตอนไปออกเดทเสียอีก เธอมักใช้เวลานั่งนิ่งๆเพื่อพินิจพิเคราะห์ความหมายที่ซ่อนอยู่ในข้อความของเขา—อาจจะถึงกับส่งข้อความของเขาต่อไปให้เพื่อนๆช่วยกันวิเคราะห์ เธอจะตั้งใจตีความหมายแต่ละข้อความของเขายิ่งกว่าตอนสอบเอนทรานซ์หรือตอนอ่านไบเบิล ซึ่งโดยส่วนมากแล้วผู้หญิงประเภทนี้มักลงเอยด้วยการส่งข้อความคุยกับผู้ชายไปมาอย่างสนุกสนาน—แต่ไม่ได้ออกเดทจริงๆตัวเป็นๆกับเขาคนนั้นเสียที—ที่แน่ๆคือเธอไม่ได้ออกเดทในคืนวันเสาร์แน่นอน—และหญิงพวกนี้ก็จะหันมาขอความช่วยเหลือจากเรา เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของเธอ ทำไมเขาถึงหายไปทั้งๆที่เขาเป็นฝ่ายเข้ามาหาเธอก่อนด้วยซ้ำ เธอคิดว่าการที่เธอตอบข้อความของเขาเสมอและรวดเร็วจะทำให้เขาไม่หมดความสนใจในตัวเธอ ซึ่งมันไม่จริงเลย! นั่นคือเหตุผลที่เราเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา อย่าทำเหมือนการส่งข้อความเป็นการรักษาคนไข้ในห้องฉุกเฉิน มันไม่ได้มีอะไรรีบเร่งอะไรขนาดนั้น เมื่อคุณอ่านบทนี้จบ คุณควรรู้สึกว่าการตอบแมสเสจกลับไปหาผู้ชายทันทีที่ได้รับนั้นเปรียบเหมือนการเอามือไปสัมผัสเตาไฟร้อนๆเลยทีเดียว

            อีกหนึ่งกฎที่คุณควรจะจำเอาไว้คือ หลังจากคุณส่งข้อความตอบกลับข้อความแรกของเขาแล้ว หลังจากนั้น ควรเว้นระยะสักสิบถึงสิบห้านาทีในการโต้ตอบแต่ละครั้ง กลยุทธ์นี้จะทำให้เขาสงสัยว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ เขาจะอยากรู้เกี่ยวกับคุณมากขึ้นและตัดสินใจชวนคุณออกเดทในที่สุด และคุณก็ไม่ควรรู้สึกผิดกับการทำแบบนี้ เพราะทั้งหมดก็เพื่อผลดีในภายหลัง

            เบธานี วัยยี่สิบสอง เจอหนุ่มคนนี้ที่งานปาร์ตี้ เขาเดินมาทักเธอก่อน และขอเบอร์โทรศัพท์เธอ วันรุ่งขึ้นเขาก็ส่งข้อความมาหาเธอว่า “หวัดดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะ วันนี้เป็นไงบ้าง” เธอทำอย่างไรต่อน่ะหรือ สี่ชั่วโมงหลังจากได้รับข้อความ เธอก็ส่งข้อความกลับไปหาเขา “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ! งานวันนี้สนุกดีค่ะ แต่ยุ่งชะมัดเลย!” อันที่จริงเธออยากถามเขากลับจะแย่ว่าวันนี้ของเขาเป็นยังไงบ้าง แต่เราเตือนเธอเอาไว้ว่าอย่าทำอย่างนั้น เพราะจุดมุ่งหมายจริงๆของเธอคือทำให้เขาเป็นฝ่ายชวนเธอออกเดท เราบอกให้เธอส่งข้อความที่สั้น กระชับและดูฉลาดกลับไปเพื่อป้องกันการส่งแมสเสจเฟลิร์ตไปมาที่จะไม่นำไปสู่การออกเดทจริงๆสักที ห้านาทีผ่านไปเขาก็ส่งข้อความกลับมา “คุณทำงานอะไรครับ” สามสิบนาทีถัดมาเธอก็ส่งข้อความกลับไปว่า “ฉันเป็นเภสัชกรค่ะ” เขาส่งกลับมาในสามนาทีว่า “คุณได้ตัวอย่างยาฟรีตลอดเลยหรือเปล่าครับ ฮ่าๆ” เธอตอบกลับไปในอีกยี่สิบนาทีว่า “เปล่าค่ะ ฮ่าๆ” สองนาทีต่อมาเขาก็ส่งกลับมาหาเธอ “ว่างไปเที่ยวกันไหมครับ ไปดูหนังวันเสาร์นี้เป็นไง คุณว่างหรือเปล่า” สามสิบนาทีต่อมาเธอก็ตอบไปว่า “ได้ค่ะ ฟังดูน่าสนุกนะคะ” ภารกิจสำเร็จ! ไม่มีการคุยเล่นจิ๊จ๊ะ มีแต่การออกเดทจริงๆ

            สเตซี่ วัยยี่สิบสี่ เจอกับสถานการณ์ที่ยากขึ้นอีกนิด เธอได้รับข้อความตอนสองทุ่มวันอังคารจากชายหนุ่มที่เธอเจอที่บาร์: “ยินดีที่ได้เจอคุณเมื่อคืนนะครับ ร้านนั้นอาหารอร่อยจริงๆ คุณเป็นไงบ้าง เสาร์อาทิตย์นี้มีโปรแกรมทำอะไรบ้างครับ” ตอนแรกเธอก็นั่งพินิจพิเคราะห์ความนัยของข้อความนั้นอยู่คนเดียว เธอไม่แน่ใจว่าเขาแค่ชวนเธอคุยเรื่องทั่วไป หรือกำลังพยายามจะชวนเธอออกเดท เธอกลัวว่ามันจะกลายเป็นการส่งแมสเสจเฟลิร์ตกันเล่นไปมาโดยไม่มีวี่แววของการออกเดทจริงจัง ใจจริงของเธออยากจะตอบกลับไปว่า “ฉันว่างสุดสัปดาห์นี้ค่ะ ทำไมเหรอคะ แล้วคุณล่ะว่างหรือเปล่า” ไม่ได้เด็ดขาด! อย่างแรกเลย เขายังไม่ได้ขอเธอออกเดทเป็นเรื่องเป็นราว ยังไม่มีการกำหนดวันเลยด้วยซ้ำ มันจะดูเป็นการด่วนสรุปเกินไปหน่อย เขาส่งข้อความมาหาเธอหลังหนึ่งทุ่มไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงรอจนเช้าและตอบกลับไปว่า “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ...โปรแกรมเสาร์อาทิตย์นี้ยังไม่แน่นอนเลยค่ะ”

            เขาส่งข้อความกลับมาหาเธอสองนาทีจากนั้น: เราน่าจะออกมาเจอกันนะครับ 
สเตซี่รอสามสิบนาทีก่อนจะตอบกลับ: ได้สิคะ! 
เขาส่งกลับมา: คุณสะดวกเมื่อไหร่ดีครับ 
          สเตซี่รออีกยี่สิบนาที และส่งกลับไป: คุณว่าเมื่อไหร่ดีล่ะ 
เขาตอบกลับมาในห้านาทีว่า: ดินเนอร์คืนวันเสาร์เป็นไงครับ 
สเตซี่รอสามสิบนาที และตอบกลับไปว่า: โอเคค่ะ

ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้ อย่าคิดไปเองว่าผู้ชายชวนคุณออกเดท และอย่าเสนอวันว่างให้เขา คุณต้องรอให้เขาเป็นฝ่ายเจาะจงวันและเวลามาเลย และแน่นอนที่สุดว่า อย่าส่งข้อความกลับในเสี้ยววินาที และเมื่อตอบข้อความกลับไป จงใช้คำให้น้อยกว่าที่เขาส่งมาเสมอ อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือ อย่าส่งข้อความเบิ้ล (ส่งสองข้อความในขณะที่เขาส่งกลับเพียงข้อความเดียว) ไม่อย่างนั้น เขาจะมองว่าคุณกระตือรือร้นที่จะคุยกับเขามากเกินเหตุ



กฎเหล็กข้อที่ 7
 แล้วค่อยคุยกันนะ: จบบทสนทนาก่อนเสมอ--หลบฉากซะ!

            ในหนังสือกฎเหล็กเล่มแรก เราบอกให้คุณเป็นฝ่ายวางโทรศัพท์ก่อน กฏเดียวกันนี้ใช้ได้กับทุกการสื่อสาร รวมถึงการออกเดทด้วย เราเรียกมันว่า “การหลบฉาก” ทำไมน่ะหรือ ก็เพื่อคุณจะได้ไม่เปิดเผยตัวตนมากจนเกินไปและทำให้เขาอยากรู้จักคุณมากขึ้นไง! จำไว้ว่าบางครั้ง จิตวิทยากลับด้านก็ได้ผล หากคุณอยากให้ผู้ชายสนใจคุณมากๆ ก็สนใจเขาน้อยๆ ยิ่งคุณดูยุ่งมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งสนใจและอยากเข้าใกล้คุณมากเท่านั้น

            ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีแบบเก่าหรือแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการคุยกันทางโทรศัพท์บ้านแบบเดิมๆหรือการคุยผ่านวิดิโอแชทใน Skype ประเด็นของมันคือ ทำให้ผู้ชายคนนั้นทึ่งในความมีรสนิยม ความฉลาดหลักแหลม และบุคลิกภาพอันน่าสนใจของคุณ และ “หลบฉาก” ออกมาภายในสิบหรือสิบห้านาทีของการพูดคุยจะทำให้คุณน่าค้นหาขึ้น และนั่นจะทำให้ชายคนนั้นต้องชวนคุณออกเดทหากเขาอยากรู้จักคุณมากขึ้น G-chat และ FaceTime ไม่นับว่าเป็นการออกเดทนะ!

            ผู้หญิงบางคนจะรู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาทหากต้องเป็นฝ่ายจบบทสนทนาก่อน นี่ไม่ใช่การเล่นเกม การจบบทสนทนาก่อนคือการบอกเป็นนัยๆให้เขารู้ว่าคุณมีชีวิตของตัวเองและมีขอบเขตที่เหมาะสมในการคุยกับเขา เขาจะสงสัยว่าคุณทำอะไรอยู่ถึงคุยกับเขาต่อไม่ได้ คุณอยู่กับเพื่อนหรือเปล่า ประชุมอยู่หรือ ออกกำลังกายอยู่ล่ะมั๊ง หรือเรียนอยู่ หรือกำลังเพลินอยู่ในชมรมหนังสือ ทั้งหมดนี้จะทำให้ผู้ชายคนนั้นอยากรู้เกี่ยวกับตัวคุณมากขึ้นและชวนคุณออกเดทในที่สุด แม้เขาจะอ้างว่าเขาชอบผู้หญิงที่เปิดเผยและพูดคุยอย่างสนุกสนานก็เถอะ

            หากคุณกำลังรู้สึกว่าทำตัวไร้มารยาท จำไว้ว่าผู้ชายไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเวลาเขาจบบทสนทนาก่อน คุณกับเขาอาจจะกำลังคุยกันอย่างออกรสแล้วอยู่ดีๆ ตู้ม! เขาขอวาง ด้วยเหตุผลว่าฟุตบอลกำลังจะเริ่มแข่ง หรือเพื่อนร่วมห้องเขาเพิ่งเดินเข้ามา จงคิดเสียว่าผู้ชายคือข้าศึกของคุณ เขามีอำนาจในการจบบทสนทนาทุกอย่าง เขาอาจจะไม่ส่งข้อความมาหาคุณอีกเลย หรือไม่คิดจะชวนคุณออกเดทอีก ทางเดียวที่คุณจะปกป้องตัวเองได้คือคุณต้องเป็นฝ่ายชิงจบบทสนทนาก่อนเขา

            ยอมรับเถอะว่า ไม่ใช่คุณจบบทสนทนาก่อนไม่ได้ คุณแค่ไม่ต้องการจะทำต่างหาก คุณจมอยู่ในภวังค์แห่งการสนทนาที่ออกรสชาด บางทีเพื่อนของคุณอาจจะนั่งกรี๊ดอยู่ข้างๆว่า “หยุดส่งข้อความหาเขาเดี๋ยวนี้!” และพยายามจะแย่งโทรศัพท์ออกไปจากมือคุณ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร คุณอาจจะแย่งโทรศัพท์กลับมาและส่งข้อความต่อ คุณอาจจะแอบเพื่อนและครอบครัวส่งข้อความใต้โต๊ะอาหารระหว่างทานข้าวกัน หรือไม่ก็แอบไปส่งในห้องน้ำ จนครอบครัวและเพื่อนๆคุณได้แต่ระอา

            สาวๆหลายคนเชื่อว่าหากเธอปิดฉากสนทนาก่อน เธอจะเสียผู้ชายคนนั้นไป พวกเธอเชื่อว่าหากพวกเธอขอวางสายก่อน เขาจะหมดความสนใจในตัวเธอและหันไปหาสาวอื่นแทน แน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามเลย หากผู้ชายคนนั้นชอบคุณ ขอเบอร์คุณก่อน และส่งข้อความมาหาคุณ แล้วคุณเป็นฝ่ายขอตัวภายในสิบนาทีหลังจากส่งข้อความคุยกัน เขาจะพยายามติดต่อกลับมาหาคุณใหม่หรือไม่ก็ชวนคุณออกเดทเสียเลย หากเขาหายไปจริงๆก็ไม่ได้แปลเพราะคุณ “หลบฉาก” ออกมา แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ชอบคุณจริงๆต่างหาก คุณคงไม่อยากเสียเวลาไปกับผู้ชายที่ไม่คิดว่าคุณคุ้มค่าพอที่เขาจะส่งข้อความกลับมาหาคุณอีกหรอกนะ

            คุณสามารถใช้ข้ออ้างง่ายๆในการจบบทสนทนากับชาย อย่างเช่น “แบตฉันเหลือขีดเดียวแล้ว” หรือว่า “ต้องขอไปรับสายนี้ก่อน” หรือว่า “ต้องไปอ่านหนังสือค่ะ” หรือว่า “งานยุ่งชะมัดเลย” หรือว่า “คลาสสปินนิ่งกำลังจะเริ่มแล้ว” ไม่จำเป็นต้องประดิษฐ์ประดอยอะไรให้สวยงาม--สถานการณ์ง่ายๆก็ใช้ได้แล้ว! และคุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องรู้สึกผิดด้วย ลองคิดถึงนักบำบัดสิ พวกเขาอาจจะกำลังนั่งฟังคนไข้ร้องห่มร้องไห้อยู่ดีๆ แล้วจู่ๆก็เหลือบมองนาฬิกา และพูดขึ้นมาว่า “หมดเวลาแล้วค่ะ” แล้วทำไมคุณจะตัดบทสนทนาที่ไม่ได้มีใครร้องไห้ไม่ได้ล่ะ หากคุณไม่รู้จะอ้างอะไร ก็พูดง่ายๆว่า “ขอโทษนะคะ ต้องวางสายแล้วล่ะ!” แล้วปิดโทรศัพท์ไปเลยสักสองสามนาทีเพื่อให้เวลาตัวเอง--เหมือนที่เราบอกคุณในหนังสือเล่มแรกว่า ตั้งครื่องจับเวลาไว้เลย เพื่อเตือนให้คุณวางสาย หากคุณรู้สึกว่าไม่สามารถตัดบทเขาได้ด้วยตัวเอง ขอให้เพื่อนส่งข้อความมาเตือนก็ได้ หากคุณคิดว่าไม่สามารถไว้ใจตัวเองได้จริงๆ ก็ทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋า ไว้ในรถ หรือไว้อีกห้องหนึ่งซะเลย

            คุณไม่จำเป็นต้องรอช่วงเวลาเหมาะๆในการจบบทสนทนา ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แค่จับเวลาที่เหมาะสมแล้วหลบฉากออกมาเลย--อย่าเสี่ยงรอให้เขาเป็นฝ่ายปิดการสนทนาก่อน คุณจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบที่ต้องมานั่งคิดว่าเขาจะไปไหนและทำให้คุณนั่งจมอยู่กับความคิดแย่ๆมากมายในหัว! หากปล่อยให้เขาจบบทสนทนาก่อน คุณอาจรู้สึกไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ แล้วลงเอยด้วยการส่งข้อความกลับไปหาเขาอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างยังโอเคอยู่ และนั่นก็คือการแหกกฎเหล็กอีกข้อ! ก็เหมือนเวทมนต์นั่นแหล่ะ หากคุณจบบทสนทนาก่อน เขาจะหลงใหลในตัวคุณมากขึ้นและอยากรู้จักคุณมากขึ้น

            เคล็ดลับในการกระชับบทสนทนาไม่ให้ยืดเยื้อคือ คุณต้องเขียนข้อความให้สั้นกว่าเขา อย่าถามคำถามเยอะ พยายามตอบคำถามเขาแค่ประโยคเดียวหรือสองประโยคหากจำเป็น แต่ต้องตอบอย่างฉลาด อย่าเริ่มบทสนทนาใหม่ๆ ผู้หญิงมักจะคิดว่าการจะมัดใจชายให้อยู่หมัด เธอต้องตอบคำถามยาวๆใส่รายละเอียดเยอะๆ ถามคำถามเขาอย่างสนอกสนใจ และเริ่มหัวข้อใหม่ๆในการสนทนา นี่คือตัวอย่างของสิ่งที่ไม่ควรทำ

เขา: เฮ้ ทำอะไรอยู่ครับ 
เธอ: อ่านหนังสืออยู่ค่ะ พรุ่งนี้ฉันมีสอบชีววิทยา เพื่อนร่วมห้องฉันป่วยหนักเลย เพราะเธอเมาเละช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อาเจียนเลอะพรมห้องน้ำเต็มไปหมด ฉันเคยบอกเธอแล้วนะคะว่าอย่าดื่มเกินหนึ่งแก้ว แต่เธอไม่เคยฟังฉันเลย! 
เขา: แย่จัง คุณเรียนชีวะกับใครครับ 
เธอ: อาจารย์รินัลดิค่ะ  เขาแย่ที่สุดเลย แจ็คกี้เพื่อนฉันที่เรียนด้วยกันก็ไม่ชอบเขา คุณรู้จักแจ็คกี้ไหมคะ 
เขา: ผมก็เรียนกับรินัลดิเมื่อปีก่อน เขาแย่จริงๆนั่นแหละ 
เธอ: ฉันรู้ แหมน่าจะเปลี่ยนคลาสนะคะ ฉันทำพลาดไปแล้ว เออ คุณพอจะติวให้ฉันได้หรือเปล่าคะ 
เขา: คืนนี้คงอยู่ดึกเลยสิครับ 
เธอ: ใช่ค่ะ อ่านทั้งคืนคงไม่จบแน่ๆ แล้วคุณล่ะคะทำอะไรอยู่ 
เขา: เตรียมสอบเหมือนกันครับ แต่ไม่ซีเรียสเท่าไหร่ ผมเครียดเรื่องซ้อมเตะฟุตบอลวันเสาร์นี้มากกว่า เพราะเราต้องแข่งกับทีมหินน่ะครับ 
เธอ: ฉันจะไปดูนะคะ เริ่มแข่งกี่โมงเอ่ย 
เขา: บ่ายสามวันอาทิตย์ครับ ขอตัวไปยิมก่อนนะ! 
เธอ: โอเคค่ะ ประตูสนามเปิดกี่โมงคะ

เธอไม่ได้เป็นคนปิดฉากก่อน เธอเล่าเรื่องเยอะเกินไป แถมเขายังไม่ได้นัดแนะว่าจะมาเจอเธออีกด้วย เสียเวลาจริงๆ! นี่คือตัวอย่างบทสนทนาเดียวกัน ที่ดีกว่าเยอะ 

เขา: เฮ้ ทำอะไรอยู่ครับ 
เธอ (30 นาทีต่อมา): อ่านหนังสือค่ะ 
เขา: ผมก็เหมือนกัน วิชาชีวะนี่ยากเป็นบ้าเลย แล้วเสาร์อาทิตย์ล่ะครับ ออกมาเจอกันไหม 
เธอ (10 นาทีต่อมา): ได้สิคะ น่าสนุกดีนะ ต้องขอตัวไปอ่านหนังสือต่อแล้วล่ะ…

กฎเหล็กข้อนี้ไม่ได้ใช้ได้แค่กับการส่งข้อความ การคุยทางโทรศัพท์ หรือสื่อออนไลน์อื่นๆเท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับการออกเดทจริงๆอีกด้วย เดทแรกของหญิงกฎเหล็กควรจะเป็นการนัดดื่มกาแฟหรือดื่มเครื่องดื่มที่บาร์สักหนึ่งถึงสองชั่วโมง หรือนัดติวหนังสือในห้องสมุดกันสักสองสามชั่วโมง ไม่ใช่การไปปีนเขาหรือปั่นจักรยานด้วยกันเป็นวันๆ หรือไปเดินเล่นที่ชายหาดตามต่างจังหวัด การเริ่มต้นที่เร็วและเยอะเกินไปไม่เคยนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดี อีกอย่างการขอตัวกลับจากการไปดื่มกาแฟที่คอฟฟี่ชอปมันทำได้ง่ายกว่าการขอตัวกลับจากการเดินเล่นที่ชายหาดต่างจังหวัดเยอะ นั่นคือเหตุผลที่เราไม่แนะนำให้เดทแรก ลากยาวไปถึงมื้อค่ำและต่อด้วยดูหนัง หรือไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน

            ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะกระตือรือร้นตอนต้นๆ ดังนั้นในเดทแรกหรือเดทที่สอง เขามักจะชอบลากยาวเดททีล่ะหลายๆชั่วโมงหากคุณไม่คัดค้านล่ะก็ แม้ว่าเขาจะเป็นคนชวนคุณออกเดทยาวๆนี้เอง แต่เขาก็อาจคิดได้ว่าคุณง่ายเกินไปและคงชอบเขาเข้าเต็มเปา และเขาจะเริ่มเบื่อคุณภายในเดทครั้งที่สาม--หากมีนะ ดังนั้น คุณต้องเป็นคนกำหนดทิศทางการออกเดทและกำหนดระยะห่างเอง เพื่อให้เขาค่อยๆรู้จักคุณทีละนิดและไม่เบื่อคุณเสียก่อน จนต้องหันไปหาสาวคนอื่นหลังจากเดทกันเพียงสองครั้ง

            หากชายหนุ่มชวนคุณขับรถไปปิคนิกในสวน ไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน หรือไปเต้นรำกันที่ผับในเดทแรก คุณควรตอบไปอย่างมั่นใจว่า “แค่ไปดื่มกันก็พอค่ะ” หลังจากเวลาผ่านไปสักชั่วโมงหรือสองชั่วโมง คุณควรทำเป็นดูนาฬิกาแล้วบอกเขาว่า “กำลังสนุกเลย แต่ฉันต้องไปแล้วค่ะ” หากเขาถามว่าทำไม ก็บอกเขาว่าคุณมีงานสำคัญวันรุ่งขึ้น อย่าไปบอกเขาว่า--ไม่ใช่เรื่องของคุณนี่คะ หากคุณรู้สึกว่ามันอาจฟังดูห้วนไปหน่อย ก็ให้อธิบายเพิ่มอีกนิดว่า คุณกำลังยุ่งเรื่องเรียน ต้องเตรียมสอบหรือต้องไปประชุมแต่เช้า หรือไม่ก็นัดเทรนเนอร์ไว้แต่เช้าตรู่ หากคุณยังเรียนมหาวิทยาลัยและไปออกเดทกับผู้ชายที่งานปาร์ตี้ ก็ควรจบเดทนั้นก่อนเขา อย่ายืดเวลาการออกเดทด้วยการบอกเขาว่า “ลองไปคลับ G ดูไหมคะว่ามีอะไรน่าสนใจ…” หรือ “ไปบาร์อื่นกันเถอะค่ะ…” และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนออกไอเดียว่าให้ไปที่อื่นต่อก็เถอะ คุณก็ควรจะปฏิเสธไปซะ หากคุณไม่ทำตามกฎเหล็กข้อนี้ คุณก็จะไม่น่าท้าทายสำหรับเขาอีกต่อไป หากเขาต้องการใช้เวลากับคุณมากขึ้น เขาสามารถทำได้ด้วยการชวนคุณออกเดทอีก

            เดทสองควรเป็นเดททานมื้อค่ำสักสามหรือสี่ชั่วโมง เดทครั้งที่สามอาจจะเป็นทานมื้อค่ำและต่อด้วยการดูหนังสักห้าชั่วโมง เดทครั้งที่สี่อาจจะเป็นทานมื้อค่ำแล้วต่อด้วยการดูโชว์หรือดื่มกาแฟคุยกันต่อได้สักหกชั่วโมง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องเป็นคนจบการเดทก่อนเสมอ คุณต้อง “หลบฉาก” ออกมา!

            แน่นอนว่ากฎเหล็กข้อนี้อาจจะตรงข้ามกับสิ่งที่ใจคุณอยากจะทำ เมื่อคุณได้เจอผู้ชายที่คุณชอบ คุณจะอยากคุยกับเขาไม่หยุด คุณจะอยากรู้ทุกเรื่องราวของเขา--เรียนเอกอะไร ทำงานที่ไหน ขับรถอะไร ทีมกีฬาโปรดคือทีมอะไร เวลาว่างชอบทำอะไร ทำไมถึงเลิกกับแฟนคนก่อน มองอนาคตตัวเองในอีกห้าปีว่าอย่างไร และเหนือสิ่งอื่นใด คุณอยากรู้ว่าเขาคิดยังไงกับคุณ--และคุณอยากจะเล่าให้เขาฟังทุกเรื่องในชีวิต แต่จงจำไว้ว่าเดท 
ยาวนานมาราธอนจะทำลายความลึกลับของคุณไปจนหมดสิ้น สิ่งที่คุณควรทำคือ ทำให้เขาอยากชวนคุณออกไปเดทอีกครั้ง—อีกครั้ง และอีกครั้ง--เพื่อจะได้รู้จักคุณมากยิ่งขึ้นต่างหาก!

 

กฎเหล็กข้อที่ 8 อย่าตอบข้อความหรืออะไรก็แล้วแต่หลังเที่ยงคืน

            ส่วนหนึ่งของการทำตามกฎเหล็กก็คือการแอบสอนให้ผู้ชายรู้จักเคารพคุณโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ—และนั่นหมายถึงการตีกรอบให้ตัวเอง โดยเฉพาะในเรื่องการติดต่อสื่อสารกับชายหนุ่ม คุณต้องไม่รับโทรศัพท์หรือตอบกลับข้อความของเขาหลังเที่ยงคืน อาจเป็นเพราะคุณยุ่งอยู่ หรือไม่คุณก็อาจจะต้องเข้านอนเร็วเพื่อจะได้นอนได้ครบ 10 ชั่วโมงเพื่อความงาม หรือไม่ก็…...เอาจริงๆแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะอะไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องรู้เลย! หากผู้ชายคนนั้นอยากจะรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ ก็มาขอเดทคุณซะสิ เราพบว่ากลุ่มลูกค้าที่รับโทรศัพท์ของชายหนุ่มตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง มักจะเจอแต่ปัญหาความสัมพันธ์ ผู้ชายมักจะคิดว่าตัวเองสามารถโทรหาสาวๆได้ตลอดเวลา จะตีหนึ่ง ตีสอง หรือแม้แต่ตอนเมา แต่คุณคือหญิงกฎเหล็ก คุณมีชีวิตของตัวเอง และไม่ได้ว่างตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง!

            เราไม่ได้อยู่ในยุคหิน เรารู้ว่าหนุ่มๆ ยิ่งหนุ่มวัยละอ่อนในรั้วมหาวิทยาลัย ชอบโทรหรือส่งข้อความมาจิ๊จ๊ะสาวๆช่วงเที่ยงคืน แต่การที่เขาทำอย่างนั้นก็เพื่อความสนุกและแก้เหงา ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนพิเศษ ดังนั้นคุณต้องมีจุดยืนที่จะไม่รับการติดต่อจากเขาหลังเที่ยงคืน ไม่อย่างนั้นคุณจะเป็นหนึ่งในสาวๆที่เขาเอาไว้คุยแก้เหงาเท่านั้นเอง

            และตามจริงแล้ว ไม่มีเรื่องดีงามเรื่องไหนหรอกที่จะเกิดหลังเที่ยงคืน ผู้ชายอาจจะแค่ต้องการหาคู่นอนเท่านั้นเอง ในหนังสือเล่มแรกเราบอกคุณไว้ว่า หากคุณไปถึงงานปาร์ตี้ที่มีกำหนดการเริ่มงานตอนสามทุ่ม คุณควรไปถึงสักสี่ทุ่ม และกลับตอนเที่ยงคืน ผู้หญิงที่แกร่วรออยู่จนตีสอง ตีสี่ หรือจนผับปิด มักจะเจอแต่พวกขี้เมา ขี้หลี และผู้ชายที่มองหาแต่คู่นอนเท่านั้น ดังนั้น ไม่ต้องคิดเลยเรื่องข้อความ โทรศัพท์ หรืออีเมลล์หลังเที่ยงคืนจากผู้ชาย

            เรารู้ว่ากฎข้อนี้ทำตามได้ยาก เพราะเหล่าสมาร์ทโฟนทั้งหลายทำให้การคุยกันหลังเที่ยงคืนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่หากผู้ชายคนนั้นโทรหาคุณหลังเที่ยงคืน โปรดทราบว่า นั่นไม่ใช่การออกเดทหรอกนะ—นั่นคือการโทรหาคู่นอนต่างหาก เขาอาจจะโทรไปหาสาวๆทุกคนที่เขามีเบอร์ และคุณอาจจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายของเขาก็ได้ หรือเขาอาจจะส่งข้อความเดียวกันนั้นไปหาสาวๆสิบคนในชั่วโมงเดียวกันนั้นเอง! หากเป็นอย่างนั้นคุณจะทำอย่างไร หญิงกฎเหล็กอย่างคุณต้องไม่เป็นแค่คู่นอนของใครและไม่ใช่ตัวเลือกสุดท้ายของใครด้วย

            เรารู้ว่าคุณมีโทรศัพท์อยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา ออนไลน์แทบจะ 24 ชั่วโมง—แต่คุณต้องไม่ให้เขารู้ว่าคุณเป็นอย่างนั้น ดังนั้นคุณต้องไม่ตอบข้อความเขา หากคุณเผลอตอบไปครั้งนึง เขาจะคิดว่าเขาสามารถส่งข้อความมาหาคุณดึกๆดื่นๆได้เสมอ และหากคุณตอบเขาทุกครั้งที่เขาส่งข้อความมา เขาจะมองว่าคุณน่าเบื่อ ไม่น่าสนใจ แทนที่จะมองว่าคุณอาจจะกำลังสนุกสนานกับเพื่อนๆหรือกำลังอยู่กับหนุ่มผู้โชคดีคนอื่นที่ไม่ใช่เขา หากคุณกดรับสาย หรือตอบข้อความของเขา สุดท้ายคุณอาจจะยอมใจอ่อนไปเจอเขาในงานปาร์ตี้ หรือไปมีอะไรกับเขา! คุณไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นหรอก และอย่าปล่อยให้มีอะไรมายั่วใจให้ทำอย่างนั้นด้วย หากคุณไม่รับสาย อย่างมากเขาก็แค่คิดว่าคุณหลับแล้ว เท่านั้นเอง

            ต่อให้เขาเห็นว่าคุณอ่านข้อความใน BlackBerry Messenger หรือ Line หรือ WhatsApp แล้วแต่ไม่ได้ตอบกลับ แล้วไงล่ะ คุณมีสิทธิ์จะไม่ตอบข้อความของเขา โดยเฉพาะข้อความที่มาผิดเวลาแบบนี้ คุณอาจจะกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบ หรือเตรียมพรีเซนท์เทชั่นสำหรับเข้าประชุมพรุ่งนี้อยู่ก็ได้ อย่ารับสายเขา! และรู้ไว้เลยนะว่า สำหรับผู้ชายแล้ว เขาสามารถไม่ตอบข้อความกลางดึกแบบนี้ได้อย่างสบายๆ—หรือแม้แต่ในเวลาอื่นก็เถอะ

            เป็นหญิงกฎเหล็กก็เหมือนกับการเป็นซินเดอเรล่า ครั้งต่อไปที่คุณคันไม้คันมืออยากจะตอบกลับข้อความของเขาหลังเที่ยงคืน ให้คิดซะว่าชุดราตรีแสนสวยของคุณกำลังจะกลายเป็นพรมเช็ดเท้า และรถม้าสีทองกำลังจะกลายเป็นฟักทอง—คุณจะไปไม่ถึงไหนเลย เหมือนความสัมพันธ์ของคุณนั่นแหละ

 

*************

เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืน...

แน่นอน เรานอนดึก แต่เหตุผลที่เรานอนดึกก็คือ เรามัวแต่ออกไปปาร์ตี้ หรือไปนอนขดตัวเม้าท์อยู่กับเพื่อนสาวบนโซฟา หรือนั่งเขียนรายงานวิชาภาษาอังกฤษส่งอาจารย์ เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งของเราสารภาพว่า เขาและเพื่อนๆจะเล่นเกมส่งข้อความหาสาวห้าคนหลังเที่ยงคืน และดูซิว่าสาวคนไหนตอบกลับเร็วที่สุด—หลังจากนั้นพวกเขาก็จะท้ากันว่าใครจะได้นอนกับสาวเหล่านี้ก่อน พวกเขาจะรายงานความเคลื่อนไหวกันแบบคำต่อคำ และผู้ชนะก็จะได้เบียร์หกกระป๋องเป็นรางวัลจากเพื่อนผู้พ่ายแพ้อีกสองคน! น่ารังเกียจมาก...เราช็อคกับความจริงเรื่องนี้พอสมควร ดังนั้นถ้านาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว อย่าสนใจข้อความของเขา! แม้ว่าเขาจะเป็นหนุ่มในฝันและคุณอยากส่งข้อความคุยกับเขาทั้งคืนก็ตาม จำเอาไว้—เราเตือนคุณแล้ว! อีกอย่างถ้าเขาเป็นหนุ่มประเภทที่ชอบเล่นพิเรนทร์และน่ารังเกียจแบบนี้ คุณก็คงไม่อยากอยู่กับเขาหรอกนะ

--ลูกสาวผู้เขียนกฏเหล็ก

 

วิธีสั่งซื้อ

1. ซื้อเป็น E book คลิกที่นี่ 

2. ซื้อหนังสือเป็นเล่ม ได้ที่ร้านหนังสือทั่วประเทศ เช่น Se-Ed, B2S, นายอินทร์, book smiles, และอี่นๆ ค่ะ
 (หากหาหนังสือบนแผงไม่พบ กรุณาสอบถามพนักงานขายนะคะ ;))

3. สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ที่บริษัท แบงคอก แมทชิ่ง ค่าจัดส่งไปรษณีย์ในประเทศไทยแบบลงทะเบียน เล่มละ 55 บาท ส่งแบบ EMS เล่มละ 70 บาท
โดยให้โอนเงินราคา 425 บาท/เล่ม บวกค่าใช้จ่ายการจัดส่งที่ต้องการ มายัง 
ชื่อบัญชี บริษัท ฮักแต๊แต๊ จำกัด
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาซอยทองหล่อ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 255-1-28273-4

เมื่อโอนเงินเรียบร้อยแล้ว กรุณาสแกน Slip การโอนเงินที่แสดงว่าการโอนเงินเสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น มาที่ order@hugtaetae.com พร้อมชื่อที่อยู่โดยละเอียด และเบอร์มือถือที่ติดต่อสะดวก ที่จะให้จัดส่งหนังสือไปให้ทางไปรษณีย์ด้วยค่ะ 

ปกติ จะใช้เวลาประมาณไม่เกิน 14 วันจากวันที่ชำระเงิน ก็จะได้รับหนังสือค่ะ 

ได้โปรดรับทราบว่า บริษัทฯ ไม่มีนโยบายเปลี่ยน/คืนหนังสือ หรือคืนจำนวนเงินที่โอนผิดมาจากความผิดพลาดของผู้สั่งซื้อเองค่ะ แต่สามารถรับหนังสือเล่มอื่นแทนได้

รายได้ส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ จะถูกนำไปใช้จ่ายในโครงการ “Make a Wish” Project โครงการหาคู่ฟรีให้คนพิการของเรา





งานเยี่ยม

บริษัทจัดหาคู่




หาคู่ จัดหาคู่ บริการหาคู่
© 2012 HugTaeTae.com All Rights Reserved. Hug Tae Tae Publishing.